เนื้อหา

 โคลงภาพพระราชพงศาวดาร

(แผ่นดินสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ภาพพระสุริโยทัยขาดคอช้าง)

 

๑. สาระสำคัญ

         บุเรงนองยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาในแผ่นดินของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ  สมเด็จพระ

สุริโยทัยอัครมเหสีปลอมพระองค์เป็นอุปราชตามเสด็จออกทำสงครามด้วย เมื่อเห็นว่าพระราสวามีจะเพลี่ยงพล้ำในการทำยุทธหัตถีก็ไสช้างเข้าขวางจึงถูกพระแสงของ้าวของศัตรูสิ้นพระชนม์

๒.  ผู้พระราชนิพนธ์

         พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

 

         พระราชประวัติสมเด็จพระสุริโยทัยทรงทำยุทธหัตถี

         พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งชาวไทยถวายพระราชสมัญญาว่า สมเด็จพระปิยมหาราชเป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ ๕  ในพระบรมราชจักรีวงศ์ ทรงพระราชสมภพเมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๕  พระนามเดิมสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์  กรมขุนพินิตประชานาถ   เป็นโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชชนนี เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ  พ.ศ. ๒๔๑๑  สวรรคตเมื่อวันที่  ๒๓  ตุลาคม  พ.ศ. ๒๔๕๓

         นอกจากจะทรงพระปรีชาสามารถในด้านการปกครองแล้ว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังทรงมีพระปรีชาสามารถในด้านการประพันธ์อีกด้วย พระราชนิพนธ์ทั้งร้อยแก้วร้องกรองอาทิ พระราชพิธีสิบสองเดือน  ไกลบ้าน  เงาะป่า  ลิลิตนิทราชาคริต โคลงสุภาษิตต่าง ๆ และยังมีบทพระราชนิพนธ์อีกเป็นจำนวนมากที่เป็นประโยชน์ต่อการปกครองและวิชาการด้านต่าง ๆ

๓.  จุดประสงค์พระราชนิพนธ์

         ๓.๑  เพื่อสรรเสริญพระเกียรติคุณของพระมหากษัตริย์ไทยในสมัยกรุงศรีอยุธยาที่มีพระมหากรุณาธิคุณต่อประเทศอย่างใหญ่หลวง จนไปถึงเชิดชูเกียรติหมู่เสวกามาตย์ที่มีความกล้าหาญ สุจริตและความกตัญญูต่อแผ่นดิน

         ๓.๒  เพื่อให้เยาวชนเห็นคุณค่าของความเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของวีรกษัตริย์ในอดีต

๔.  ที่มาของเรื่อง

         คัดมาจากหนังสือโคลงภาพระราชพงศาวดารเป็นโคลงบรรยายภาพที่ ๑๐  แผ่นดินสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ กล่าวถึงพระสุริโยทัยทรงประกอบวีรกรรมอันแสดงถึงพระคุณธรรมคือความกตัญญูและความเสียสละในการที่ได้ช่วยปกป้องพระมหาจักรพรรดิให้รอดพ้นจากอาวุธของข้าศึกด้วยการอุทิศชีวิตของพระองค์

๕.  เวลาที่ทรงพระราชนิพนธ์

         ในสมัยรัชกาลที่ ๕  (โปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นมีจำนวน ๙๒ ภาพ โคลงที่แต่งมีจำนวนทั้งสิ้น ๓๗๖ บท สร้างสำเร็จเมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๐)

๖.  ทำนองพระราชนิพนธ์

         เป็นโคลงสี่สุภาพ  จำนวน  ๖ บท

 

         ตัวอย่าง                       นงคราญองค์เอกแก้ว             กระษัตรีย์

                         มานมนัสกัตเวที                                 ยิ่งล้ำ

                         เกรงพระราชสามี                               มลายพระ  ชนม์เฮย

                         ขับคเชนทรเข่นค้ำ                              สะอึกสู้ดัสกร

๗.  ศัพท์ที่ควรทราบ

         โคลงภาพพระราชพงศาวดาร (แผ่นดินของพระมหาจักรพรรดิ

ภาพพระสุริโยทัยขาดคอช้าง)

         โคลงบทที่ ๑

                รามัญ                  =               มอญ

                พยุหแสนยา         =               หมู่เสนา

                ม่าน                     =               พม่า

         โคลงบทที่ ๒

                เผ้าภูวดล            =               เผ้า คือ ส่วนที่สูงที่สุดของศีรษะ  ภูวดล คือ แผ่นดิน

                                             เผ้าภูวดลหมายถึง  พระเจ้าแผ่นดิน

                นิกร                    =               หมู่ ,  พวก

                สมร                    =               การรบ  การสงคราม

         โคลงบทที่ ๓

                เครื่องยุทธพิชัย                   =               เครื่องแต่งกายที่แต่งออกรบ

       เถลิง                                     =               ขึ้น  ใช้กับสิ่งสำคัญ เช่น เถลิงถวัลยราช   

                                                                        สมบัติ

                คว้าง                                    =               เคลื่อนลอยไปอย่างรวดเร็ว

                ไคล                                      =               เข้าขบวน

         โคลงบทที่ ๔

                ประจัญ                =               ปะทะต่อสู้

                สาร                      =               ช้างใหญ่

                เตลง                     =               คือ ตะเลง เป็นชื่อที่ใช้เรียกชนชาติมอญ พงศาวดาร

                                             ไทยมักเรียกกองทัพพม่าว่ากองทัพตะเลง เนื่องจากพม่า

                                                                      เกณฑ์เอาพวกมอญผู้ตกอยู่ในปกครองมาเป็น

                                             ไพร่พลในการรบเป็นจำนวนมาก

         โคลงบทที่ ๕

                มาน                     =               มี

                ดัสกร                  =               ข้าศึก

                มนัส                    =              หัวใจ

 

         โคลงบทที่ ๖

                ขุนมอญ            =      ในที่นี้คือ พระเจ้าแปรซึ่งเป็นผู้ปกครองเมืองแปร ยกกองทัพมา

                                                            ช่วยพม่ารบ

                หรุบ                 =     อาการสิ่งของที่ร่วงลงมาพรู เรียกว่า ร่วงหรุบ

๘.  เนื้อเรื่อง

         พระเจ้าบุเรงนองกษัตริย์พม่ายกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา พระมหาจักรพรรดิทรงยกทัพออกตั้งรับข้าศึก โดยมีสมเด็จพระสุริโยทัยพระมเหสีซึ่งทรงแต่งองค์เช่นบุรุษ ได้ติดตามพระมหาจักรพรรดิออกรบด้วย เมื่อกองทัพของพระเจ้าแปรกับพระมหาจักรพรรดิปะทะกัน ช้างทรงของพระมหาจักรพรรดิเสียทีวิ่งหนีเตลิดไป พระเจ้าแปรจึงขับช้างติดตาม สมเด็จพระสุริโยทัยจึงได้ไสช้างทรงเข้าไปขวางพระเจ้าแปรเพราะเกรงว่าพระมหาจักรพรรดิจะได้รับอันตราย พระเจ้าแปรจึงใช้ง้าวฟันสมเด็จพระสุริโยทัยสิ้นพระชนม์บนคอช้าง พระโอรสได้นำพระบรมศพเข้าเมืองถึงแม้นพระสุริโย-ทัยจะเสด็จสวรรคตไปแล้วแต่วีรกรรมที่ท่านได้ทรงปฏิบัตินั้นทรงได้รับการสรรเสริญพระเกียรติคุณยังปรากฏอยู่ตราบชั่วนิรันดร์

         โคลงบทที่ ๑  ความว่า  บุเรงนองกษัตริย์พม่ายกกองทัพอันมีแสนยานุภาพกล้าหาญยิ่ง ทั้งทัพมอญและทัพพม่ารวมแล้วว่าสามแสนคน เมื่อถึงกรุงศรีอยุธยาแล้วหยุดพักนอกเมือง

         โคลงบทที่ ๒  ความว่า  พระมหาจักรพรรดิกษัตริย์แห่งกรุงสยามทรงวางกำลังพลมากมายเตรียมรับศึก มีพระราชดำริจะเสด็จออกไปดูกำลังข้าศึกจึงทรงยกองทัพออกไปตั้งกลางสนามรบ

         โคลงบทที่ ๓  ความว่า  พระมเหสีผู้ทรงเป็นผู้พอพระราชหฤทัยของพระองค์ ทรงพระนามว่าพระสุริโยทัย ทรงเครื่องนักรบเหมือนพระมหาอุปราช ทรงช้างพระที่นั่งควบเข้ากระบวนทัพตามเสด็จด้วย

         โคลงบทที่ ๔  ความว่า  ทัพหน้ายกพลเข้าสู้รบกัน ช้างของพระเจ้าแปรเข้าต่อสู้กับช้างของพระมหาจักรพรรดิ

         โคลงบทที่ ๕  ความว่า  องค์อัครมเหสีมีน้ำพระทัยกอรปด้วยความกตัญญูกตเวทียิ่ง ทรงวิตกว่าพระสวามีจะสิ้นประชนม์จึงทรงขับช้างพระที่นั่งเข้าต่อสู้กับศัตรู

         โคลงบทที่ ๖  ความว่า  พระเจ้าแปรฟาดพระแสงของ้าวใส่พระอุระขาดสะพายแหล่ง

สิ้นพระชนม์พระราชโอรสจึงทรงกันพระศพกลับคืนกรุงศรีอยุธยา แม้นพระองค์จะสิ้นพระชนม์ลงแล้วแต่ยังไม่สิ้นผู้สรรเสริญ

๙.  มโนทัศน์

         ความกตัญญูกตเวทีและความเสียสละเป็นคุณธรรมของวีรชน

๑๐.  ความรู้ที่ได้รับจากเรื่อง

         ๑๐.๑  เรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตและเกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์จะจารึกไว้ในพงศาวดาร

         ๑๐.๒  เรื่องพระสุริโยทัยขาดคอช้างเกิดขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา

         ๑๐.๓  ผู้หญิงสามารถที่จะช่วยปกป้องเมืองได้เช่นเดียวกับผู้ชาย

         ๑๐.๔  สมเด็จพระสุริโยทัยทรงสละชีวิตเพื่อป้องกันพระมหาจักรพรรดิไว้ นับเป็นวีรสตรีที่ ควรแก่การสรรเสริญ 

๑๑.  ข้อคิดที่ได้รับจากเรื่อง

         ๑.  ความรักทำให้คนมีความกล้าหาญและเสียสละ

         ๒.  ที่ใดมีสงคราม ที่นั่นมีความสูญเสีย

         ๓.  ความจงรักภักดีต่อสามีเป็นคุณสมบัติที่ดีของภรรยาที่ควรยึดถือปฏิบัติ

         ๔.  บุรุษหรือสตรีย่อมมีความกล้าหาญเหมือนกัน

         ๕.  ความกล้าหาญและความเสียสละเป็นคุณธรรมที่สำคัญยิ่ง

๑๒.  ความรู้เสริม

         ๑๒.๑  นอกจากความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว ความเสียสละเพื่อส่วนรวม คุณธรรมสำคัญของพระสุริโยทัยที่มุ่งเน้นความกตัญญู ตัดสินพระทัยสละพระชนม์ชีพเพื่อพระสวามี คนไทยแต่โบราณสอนให้สตรีเคารพ ซื่อสัตย์และกตัญญูต่อพระสวามี เพราะสามีเป็นผู้เลี้ยงดูปกป้องคุ้มครองให้มีความสุขและความมั่นคงในชีวิต นับเป็นการแสดงกตเวทีต่อพระสวามีตามหน้าที่ของภรรยาที่ดี

         ๑๒.๒  ความกตัญญูอีกประการหนึ่งเป็นการแสดงความทดแทนคุณพระมหากษัตริย์ ซึ่งหมายถึงการขาดแผ่นดินที่จะให้ดำรงชีวิตได้อย่างอิสระ การปกป้องสมเด็จพระมหาจักรพรรดิคือการปกป้องรักษาพระมหากษัตริย์ให้ทรงได้ครองราชย์ต่อไปเพื่อความสงบสุขของแผ่นดิน

         ๑๒.๓  บุคคลและสถานที่ที่ควรทราบ

                ก.  สมเด็จพระสุริโยทัย  ทรงเป็นเอกอัครมเหสีในสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ

ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ ๑๕  แห่งกรุงศรีอยุธยา ทรงสละพระชนม์ชีพป้องกันพระสวามีในสงครามระหว่างไทยกับพม่า เมื่อ พ.ศ. ๒๐๙๑

                ข.  เจดีย์ ศรีสุริโยทัยอยู่ที่วัดสวนหลวงสบสวรรค์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

                ค.  บุเรงนองคือ กษัตริย์พม่าที่มีชื่อเสียงในการรบมีพระนามเรียกเป็นอย่างอื่นอีกได้แก่ พระเจ้าแปรและขุนมอญ

                ๑๒.๔  ลักษณะของคำประพันธ์ประเภทโคลงสี่สุภาพ

                โคลงสี่สุภาพบทหนึ่งมี  ๔ บาท  บาทหนึ่งมี  ๒ วรรค  วรรคหน้ามี  ๕ คำ

วรรคหลังมี  ๒ คำ  ยกเว้น บาทที่สี่วรรคหลังมี  ๔ คำ  รวมทั้งหมดมี  ๓๐ คำ
                         ลักษณะบังคับของโคลงสี่สุภาพนอกจากมีจำนวนคำและสัมผัสแล้ว โคลงสี่สุภาพยังมีข้อบังคับพิเศษคือ กำหนดคำเอกและคำโทกับคำสร้อยท้ายวรรคอีกด้วย ดังแผนผัง

                คำเอก  มีหลักสังเกตดังนี้

                             คำทุกคำที่ใช้รูปวรรณยุกต์เอก

                             คำตายใช้แทนคำเอกได้

                             คำเอกโทษ คือคำที่ตามปกติเขียนรูปวรรณยุกต์โท แต่มาแปลงรูป

       เป็นเอก  เช่น   ไข้  -  ไค่

                คำโท  มีหลักสังเกต คือ

                             คำทุกคำที่ใช้รูปวรรณยุกต์โท

                             คำโทโทษ คือ คำที่ตามปกติเขียนด้วยรูปวรรณยุกต์เอก แต่มาแปลง

       รูปเป็นโท  เช่น  เล่น  -  เหล้น     ช่วย  -  ฉ้วย

                คำสร้อย  มีหลักสังเกต คือ

                             จะใช้เฉพาะท้ายบาทที่ ๑  และ    เท่านั้น

                             สร้อยใช้เพื่อเติมความให้คำข้างหน้าบริบูรณ์  เช่น

                               จอมรา         -             มัญเฮย   สามสิบ        -             หมื่นแฮ

                               อุป                -             ราชแฮ

                             ใช้เติมท้ายบทเพื่อความไพเราะและเสริมความรู้ให้บริบูรณ์ยิ่งขึ้นเช่น

                                พิสมัย     ท่านนา,    โรมรัน     กันเฮย,     ศพสู่     นครแฮ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น