ข้อคิด (สามัคคีเสวก)

 

สรุปความรู้และข้อคิด

บทเสภาสามัคคีเสวก  

ตอนวิศวกรรมา


๑.  หากเรามีศิลปะอยู่ในใจก็เหมือนกับเรามีเครื่องผ่อนคลายความทุกข์อยู่ด้วย

๒.  ศิลปกรรมเป็นสิ่งที่สวยงามจำเริญตา จำเริญใจเราจึงควรที่จะช่วยกันส่งเสริมและสนับสนุน

๓.  ชาติที่มีความเจริญรุ่งเรือง จะมีศิลปะประจำชาติ ศิลปะหมายถึงภาพสะท้อนของความสุขสงบของประเทศ

๔.  ชาติที่ไม่มีช่างทางด้านศิลปะ เหมือนผู้หญิงที่ไม่มีความงาม

๕.  ใครดูถูกงานศิลปะ  เหมือนคนป่าคนดง ไม่สมควรคบค้าสมาคมด้วย
๖.   คนไทยควรช่วยรักษาศิลปะและอนุรักษ์ไว้ให้รุ่งเรืองตลอดไป เพื่อแสดงความเป็นชาติที่มีวัฒนธรรมมายาวนาน


บทเสภาสามัคคีเสวก  

ตอน  สามัคคีเสวก


๑. เหล่าข้าราชการต้องให้ความร่วมมือกับองค์พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นผู้นำของประเทศ

๒. ข้าราชการต้องคำนึงถึงหน้าที่ของตนเป็นใหญ่ มีความเคร่งครัดในระเบียบวินัย

๓. ข้าราชการต้องมีความจงรักภักดีต่อพระเจ้าแผ่นดิน

๔. ข้าราชการต้องมีความสามัคคีปรองดองเพื่อนำชาติให้พัฒนาต่อไป

๕. การที่มีความพยายามในการทำอะไร ก็จะทำงานนั้นได้เสร็จสมบูรณ์ ไม่ว่าจะอุปสรรคอะไร ถ้ามีความอดทนอดกลั้น ก็จะประสบผลสำเร็จ 

๖. การรวมกันเป็นหนึ่งเดียวของคนในสังคม ไม่ว่าจะเป็นสังคมใดก็ตาม เหมือนกับกองทรายกองใหญ่ แม้ว่าคลื่นจะซัดมาแรงแค่ไหน กองทรายกองนั้นก็จะไม่พัง ถึงพังก็น้อย แต่เมื่อคนในสังคมนั้นๆไม่สามัคคีกันแล้ว เปรียบได้กับกองทรายกองเล็ก ที่พร้อมจะถล่มได้ทุกเมื่อ ดังนั้น ความสามัคคีคือพลังที่สามารถฝ่าพ้นอุปสรรคน้อยใหญ่ได้


                                                    ข้อคิดที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

 

๑. ให้มีความรักและภูมิใจในศิลปะของชาติ กล่าวคือ ศิลปะเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้น   มีการสั่งสม ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นจนกระทั่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรม เกิดเป็นความงามที่มีเอกลักษณ์ของชนชาติ ทั้งด้านจิตรกรรม ประติมากรรม หัตถกรรม ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศการสร้างเจตคติที่ดีต่อศิลปะ ปลูกฝังจิตสำนึกให้เยาวชนรักศิลปะย่อมจะทำให้ศิลปะของชาติดำรงอยู่ได้

              ๒. ให้ตระหนักในหน้าที่ของตน ประเทศชาติจะพัฒนาได้ย่อมต้องอาศัยบุคคลภายในชาติเป็นกลไกสำคัญ เนื่องด้วยแต่ละบุคคลจะดำรงสถานภาพและแสดงบทบาททางสังคมที่แตกต่างกัน โดยที่ทุกสถานภาพล้วนมีความสำคัญเท่าเทียมกัน หากบุคคลขาดความตระหนักในหน้าที่ของตนเอง บ่ายเบี่ยงหน้าที่ความรับผิดชอบย่อมไม่สามารถสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับชาติได้

๓. ให้เห็นถึงความสำคัญของความสามัคคี ประเทศชาติประกอบด้วยบุคคลจำนวนมากการจะทำให้ประเทศพัฒนาไปข้างหน้า ความสามัคคีของคนในชาติเป็นสิ่งสำคัญ ต้องไม่คิดร้ายแก่งแย่งชิงดีหรือเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้ง เป็นเรื่องรองลงมาจากผลประโยชน์ส่วนตัวย่อมทำให้ประเทศชาติเกิดความเสียหายได้ ความสามัคคีจะเป็นเครื่องผูกรวมจิตใจของคนในชาติ   

๔. ให้เกิดความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ เนื่องจากพระมหากษัตริย์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อบ้านเมืองและข้าราชบริพาร ทรงเป็น เหมือนกับปิตัน” ที่นำพาเรือฝ่าคลื่นพายุที่รุนแรงไปยังจุดมุ่งหมาย นั่นคือ ความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมืองและความผาสุกของราษฎรทั้งมวลดังนั้น ประชาชนทุกคนจึงควรประพฤติปฏิบัติตามพระบรมราโชวาท รู้จักหน้าที่ของตนเองและปฏิบัติงานในหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ พร้อมทั้งมีระเบียบวินัยและมีความสามัครสมานสามัคคีกัน บ้านเมืองก็จะมีความสงบสุขและมีความเจริญรุ่งเรือง 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น